เป็นเวลานานกว่าเจ็ดปีแล้วนับตั้งแต่วันที่ Ni no Kuni ออกสู่สายฟ้าชาวโลกครั้งแรกในปี 2011 บน Playstation 3 ในญี่ปุ่น ก่อนที่จะมาเป็นภาษาอังกฤษในปี 2013 ผลงานชิ้นโบว์แดงจาก Level-5 ที่แม้จะมีงานที่พวกเขาต้องรับผิดชอบพัฒนามากมายแต่ก็ยังขยันส่งเกมมาลงทั้ง PS4, 3DS ยันมือถือทั้ง iOS และ Android อย่างต่อเนื่อง กระทั่งเวลานี้ปี 2018 ในที่สุดเกมเมอร์ก็ได้สัมผัสกับ Ni no Kuni II: Revenant Kingdom ภาคต่อที่แฟนๆ ทุกคนรอคอยกันเสียที ด้านเนื้อหานั้นไม่เกี่ยวกับภาคแรก ดังนั้น ใครที่ไม่เคยเล่นภาคแรกก็ไม่จำเป็นต้องขวนขวายหามาเล่นก่อนอะไรแบบนั้น แต่ในด้านอื่นๆ หลายคนก็อาจจะลังเลใจกันอยู่ วันนี้หลังจากทีมงาน GameWorld ไปเล่นมาแล้วพักใหญ่เลยจะมารีวิวแบบเต็มๆ ให้ฟังกัน
ขอขอบคุณ Bandai Namco ที่ให้การสนับสนุนคีย์รีวิวบน PS4 มา ณ ที่นี้
อำนาจและความดีไปด้วยกันได้หรือไม่?
หลายๆ คนน่าจะคิดว่าเกมนี้เป็นเกมเด็กๆและเพิกเฉยกับมัน แต่เราอยากให้ลองคิดดูดีๆนะ นิโนะคุนิ 2 เปิดตัวเกมมาด้วยภาพของเด็กผู้ชายหูแมวผมทองคนนึงอายุราวๆเด็กประถมผู้ซึ่งเป็นทายาททางสายเลือดเพียงคนเดียวของราชาที่เพิ่งสิ้นพระชนม์ไป มีการกบฏเกิดขึ้นและมีคนใกล้ตัวเป็นผู้นำในแผนการปลงพระชนม์ ในวันนั้นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆคนนึงได้เห็นคนที่ตนรักจากไป ได้พบว่าคนที่ตนสนิทด้วยเป็นคนที่คิดจะฆ่าแกงกันอย่างเลือดเย็น ค้นพบว่าการจากไปขอบิดาตนเป็นการปลงพระชนม์เช่นกัน นี่เป็นแค่บทเริ่มต้นของเรื่องเท่านั้น…
แน่นอนว่าเกมนี้มีอะไรตลกๆและน่ารักๆอยู่เยอะก็จริงแต่มันก็ยังมีเมสเสจที่รุนแรงมากๆที่พูดถึงความสามัคคี,ความรัก, การให้อภัย และ การปล่อยวางอดีต ที่ดีมากๆเช่นกัน ตลอดเกมเราได้ออกไปผจญภัย ไปเจอกับเมืองต่างๆด้วยความหวังที่จะนำพาความเท่าเทียมมาสู่ทุกๆเมือง ทุกๆชุมชน ทุกๆเชื้อชาติที่อยู่ในแผ่นดินเดียวกัน ไอเดียมันก็ดีมากๆเช่นกัน เราได้ออกไปเจอกับเมืองแห่งการพนันที่ภาษีแต่ละเดือนขึ้นอยู่กับการเสี่ยงโชคด้วยลูกเต๋า , ได้ไปพบกับเมืองที่ทุกคนห้ามมีความรักด้วยเหตุผลอะไรซักอย่าง , ได้ไปพบกับบ้านป่าเมืองเถื่อนของโจรที่ถูกขับไล่ให้มาอยู่ข้างบนเขาด้วยเชื้อชาติของพวกเขา ทุกๆ เมืองเต็มไปด้วยความแปลกใหม่ของตนเอง
เราจะได้เห็นวัฒนธรรมและชีวิตประจำวันของแต่ละคนที่น่าสนใจมากๆของแต่ละเมือง นับถือใน Level 5 มากๆที่ลงรายละเอียดเยอะขนาดนี้ ธีมแต่ละเมืองจะแตกต่างกัน เป็นเหมือนนิทานแต่ละบทที่มีคำสอนต่างกัน เมืองนึงพูดถึงความรัก อีกเมืองพูดถึงความหลง อะไรทำนองนี้ ดีมากๆ มีอยู่เมืองนึงที่เตะตาเรามากๆในแง่ของเนื้อเรื่องนั่นก็คือเมือง Hydropolis ที่มีกฏห้ามมีความรักและห้ามทำตัวนอกกรอบ มีตาวิเศษอยู่รอบเมืองทำให้ผู้คนในเมืองใช้ชีวิตกันดั่งการเล่นละครเวทีที่คนดูคือเจ้าเมืองนั่นเอง
ส่วนเหตุผลที่ตั้งกฏเป็นแบบนี้เพราะอะไรอันนี้อยากให้ไปสัมผัสกันเอง แต่ส่วนตัวเราว่ามันเขียนดีมากๆ เป็นไอเดียที่ไม่ได้แปลกใหม่อะไรแต่ยังคงประทับใจทุกครั้ง เพราะหากเราต้องการฮีโร่ เราจำเป็นต้องมีตัวร้ายขึ้นมาก่อน ชอบมากๆ พูดถึงเกมเพลย์กันบ้าง เกมเพลย์เกมนี้เข้าใจง่ายมากๆแต่ก็สนุกมากๆเช่นกัน ระบบหลักๆคือระบบแอคชั่นแบบเรียลไทม์เหมือนเวสเทินที่ยังผสมโรงกับความเป็นหยุ่นอยู่บ้าง อารมณ์เหมือนเกมซีรี่ย์ Tales of … ที่เน้นเกมเพลย์มากกว่า เราสามารถกลิ้งหลบได้ สร้างคอมโบร่วมกับเพื่อนได้ รวมถึงใช้การผสมผสานท่าโจมตีและพลังต่างๆของเราให้เป็นประโยชน์ แต่ก็ยังติดความเป็นเจแปนอยู่นั่นคือถึงเราจะเก่งแค่ไหนถ้าเวลไม่ถึงนี่แพ้แน่ๆ จ้า เราจะตีแทบไม่เข้าและศัตรูจะตีแรงมาก
แต่ถึงอย่างงั้นเราก็ไม่เคยมีจังหวะที่รู้สึกว่าเชี่ยไม่ไหวว่ะเลยนะทั้งๆที่ไม่ได้ฟาร์ม เพราะงั้นเราว่าเกมมีระบบนี้มาเพื่อกันคนเพิ่งเริ่มเล่นห้าวไปตีกับศัตรูท้ายเกมอะไรทำนองนี้มากกว่า , อีกระบบที่น่าสนใจมากๆคือระบบการจัดการเมืองที่ทำตัวเป็นเหมือนเกมแนว Cities Management ที่เราจะทำได้ตั้งแต่เลือกว่าจะสร้างอะไร จะเอาใครมาทำงานไหน อัพเกรดร้านไหนก่อนหลังหรือแม้กระทั่งอัพเกรดพระราชวังค์ของเราเองก็ยังได้
ไม่พอแค่นั้นการสร้างเมืองยังมีผลกับการเล่นของเราอีก หากเราเลือกที่จะสร้างและอัพเกรดพลทำอาวุธของเรา เราก็จะได้ทรัพยากรเกี่ยวกับอาวุธต่างๆรวมถึงอาวุธที่ดีมากขึ้นกว่าคนอื่นๆ หรือถ้าเราเลือกจะพัฒนาพลเวทย์มนต์เราก็จะมีสกิลคุยกับผีหรือไขหีบสมบัติที่ล็อคได้ ทุกๆการกระทำมี advantage และ disadvantage ของมัน , รวมถึงระบบการทำสงครามกับคนที่จะมายึดเมืองเราที่เปลี่ยนเกมเพย์เป็นระบบ RTS กึ่งๆค้อน,กรรไกร,กระดาษ ที่เราจะสามารถวางแผนได้ว่าจะเอาพลหอก พลดาบ หรือพลค้อนไป
แต่ละหน่วยก็จะมีข้อดีและข้อด้อยต่างกัน อย่างเช่นพลดาบที่จัดการพลค้อนได้ง่ายมากๆด้วยความไวของดาบแต่ก็แพ้พลหอกอย่างราบคาบเพราะไม่สามารถเข้าถึงตัวได้นั่นเอง นอกจากภารกิจหลักที่ดีมากๆเกมนี้ก็มีภารกิจเสริมที่น่าสนใจมากๆเช่นกัน หากเราไม่นับภารกิจแบบวิ่งหาของ เราจะพบว่าภารกิจเสริมหลายภารกิจมีเนื้อเรื่องที่น่าสนใจมากๆ บางอันก็อบอุ่นหัวใจมากๆด้วย เราได้ไปช่วยคู่รักเกย์หลบหนีจากพวกเหยียด หรือช่วยสร้างคุณค่าให้กับศิลปินที่ไม่มีใครสนใจงานศิลปะของเขาจนเกือบจะคิดสั้นฆ่าตัวตาย หรือมิชชั่นน่ารักๆ แบบวิ่งแข่งกับเด็กที่หนีออกจากพ่อแม่ หากเราวิ่งชนะเด็กๆสัญญาว่าจะกลับบ้าน
ภารกิจเสริมต่างๆพาเราไปสำรวจชีวิตของคนในเมืองได้ดีมากๆ เรารู้เลยว่าเขามีกระบวนการทางความคิดยังไง เป็นคนแบบไหน โตมายังไง ค่านิยมเป็นยังไง แต่ไม่ใช่แค่นั้น เรายังมีมอนตัวใหญ่ยักษ์ให้เราไปไล่ตีด้วย แต่ละตัวก็จะดรอปของแรร์ สนุกมากๆ รวมถึงการลงดันที่เราจะลงไปทีละชั้นหาทางไปตีบอสประจำดันเจี้ยนและออกจากดันเจี้ยนนั้น ยังมีอะไรอีกหลายๆอย่างที่รอให้เราทำอยู่แต่ที่แน่ๆแค่เกมเสริมก็คงล่อไปเป็นสิบชั่วโมงแล้วแหละ
สรุป
มองในภาพรวมๆ แล้ว Ni No Kuni II: Revenant Kingdom ถือเป็นเกมแอ็คชั่น RPG ที่ผสมผสานระหว่างความตะวันตกและญี่ปุ่นแดนอาทิตย์อุทัยได้อย่างลงตัว ไม่ว่าคุณจะเคยสัมผัสภาคแรกหรือไม่เคยก็ตามก็ขอแนะนำให้มาลองเล่นกันดู อาจจะมีข้อเสียเดิมๆ ด้วยความเป็น RPG จากญี่ปุ่นอยู่บ้าง แต่ถ้าหากมองข้ามสิ่งเหล่านี้ไปได้ คุณอาจพบว่ากำลังเล่นเกม RPG ที่ดีที่สุดในตลาดตอนนี้เลยก็ได้
รีวิวเกม By GameWorld
“The game world is our world.”