by GM News
กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้วในยุคโบราณ โลกไม่มีความสมบูรณ์ เต็มไปด้วยหินผาสีเทา ต้นไม้นยักษ์ และมังกรอายุนับพันปี กระทั่งวันหนึ่งไฟได้ถือกำเนิด ด้วยไฟ นำมาซึ่งความแตกต่างที่ยิ่งใหญ่ ความหนาวมีความร้อน มีการกำเนิดก็มีการดับ และแน่นอน มีแสงสว่างและความมืด ถือกำเนิดยุคแห่งไฟ แต่วันหนึ้งไม่ว่าอย่างไรไฟก็ต้องดับมอดลง เหลือไว้ซึ่งแต่ความมืดทมิฬ เหลือไว้ซึ่งตำนาน ที่ระบุว่า วันหนึ่ง Undead ผู้ถูกเลือกจะถูกเลือกให้เดินทางออกจาก Undead Asylum สู่การเดินทาง แสวงหาดินแดนกษัตริย์โบราณ ‘Lordran’
ขอขอบคุณคีย์รีวิวเกม Dark Souls Remastered บน PS4 จาก Bandai Namco Entertainment Asia มา ณ ที่นี้
Dark Souls Remastered คือการกลับมาอีกครั้งของเกมแอ็คชั่นแห่งปี 2011 ที่กลับมาพร้อมพัฒนาการมากมายตั้งแต่ด้านกราฟิค และระบบเกม รวมไปถึงแก้ไขทางเทคนิคและอีกมากมายร่ายได้ทั้งวัน, Bandai Namco เผยว่าพวกเขาได้อัพเดตเอนจิ้นแสงให้งดงามขึ้น มีการอัพเกรดรายละเอียดพื้นผิว, แก้ไขปัญหาทางเทคนิคที่ติดมาจากภาคแรก พร้อมเปิดระบบออนไลน์ให้แฟนๆ ได้สัมผัสประสบการณ์ Co-op ที่ไม่เหมือนใครได้อีกครั้งสมกับเป็นการรีมาสเตอร์
พัฒนาการด้านกราฟิคส่วนสำคัญที่สังเกตได้เลยก็คืองานแสงสี ซึ่งตัวรีมาสเตอร์พัฒนาได้สวยขึ้นเยอะ ตั้งแต่แสงวิญญานที่เปล่งออกมาเมื่อมีของดรอป แสงไฟตามคบไฟ แสงสีเวลาเราร่ายเวทย์ หรือแม้แต่แสงไฟที่ลุกโชนใน Bonfire ทุกอย่างถือว่าสวยงามน่าประทับใจ พัฒนากว่าเดิมเยอะพอสมควร หมอกควันที่ปิดเป็นเสมือนประตูก่อนจะเข้าพื้นที่ต่อไปหรือบอสก็ดูดีขึ้นมาก รายละเอียดหลากหลายพื้นผิวก็คมกริบในกราฟิคระดับ 4K และรันได้ไหลลื่นตลอดเกมในรูปแบบ 60FPS เลยล่ะ
ด้านการเก็บรายละเอียดเล็กๆ ก็มีให้เห็นอยู่บ้างเหมือนกัน อาทิ หญ้าและใบไม้ที่ปลิวไสวแถว Firelink Shrine ก็เป็นอีกหนึ่งรายละเอียดที่ดี ถึงกระนั้นก็ยังมีบางส่วนในตัวรีมาสเตอร์ที่ต้องตั้งคำถาม ยกตัวอย่างเช่น เงาสะท้อนแสงที่ดูจะลดคุณภาพลงจากต้นฉบับ แทนที่เกราะอัศวินจะดูเงาวาววับ กลับดูแบนๆ ไร้มิติแทน รวมไปถึงหน้าตาตัวละครที่กลับดูแย่ลงอย่างน่าใจหายในหลายๆ มุมมอง ตามที่จะได้เห็นในวิดีโอแสนเศร้าด้านล่างนี้กัน ทำให้ในภาพรวมแล้ว ยังน่าผิดหวังครับ
มาดูในส่วนของเกมเพลย์กันบ้าง รวมๆแล้วหลายๆ อย่างยังคงอยู่เหมือนเดิมไม่ว่าจะเป็น ระบบช่องเก็บของ ความสามารถไอเทม ระบบการต่อสู้ สถานที่ ศัตรู บอส และตำแหน่ง Bonfire ซึ่งก็ไม่น่าแปลกใจเพราะมันเป็นการรีมาสเตอร์ ถ้าจะให้มีอะไรเปลี่ยนแปลงในส่วนนี้คงต้องเรียกว่ารีเมคแทน และเพื่อรักษากลิ่นอายของต้นฉบับเอาไว้จึงไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากมายนัก จุดแตกต่างเดียวที่ชัดเจนก็คือ Bonfire ใหม่ที่เพิ่มเข้ามาวางใกล้กันกับจุดที่เราจะได้เจอ Vamos ช่างตีดาบที่อาศัยอยู่ใต้ดิน ณ The Catacombs นอกนั้นเหมือนเดิมครับ
ปัญหาทางเทคนิคตัวใหญ่ๆ หลายจุดได้รับการแก้ไขกันแล้ว โดยเฉพาะในส่วนของ Blighttown ที่คราวนี้รัน 60FPS นิ่งเลย ต่างจากก่อนหน้านี้ที่ FPS ร่วงทั้งบนพีซีและคอนโซล รวมไปถึงปัญหาลาวาสว่างแสบตาใน Lost Izalith ก็ได้รับการแก้ไขเช่นกัน แต่ในขณะเดียวกัน หลายๆ บัคของเกมจากต้นฉบับก็กลับมาเหมือนกัน โดยเฉพาะด้าน PVP ที่ควรจะเป็นตัวล่อให้แฟนๆเกมกลับมาสัมผัส กลับมีปัญหาเยอะมากๆ
เอาที่มีผลกระทบที่สุดก็คือ Chain-backstab ที่ผู้เล่นสามารถแทงหลังศัตรูได้ซ้ำกันหลายๆ รอบหากรู้จังหวะ ซึ่งส่งผลต่อระบบการต่อสู้ PVP เป็นอย่างมาก ยังไม่นับบัค Halbert ฟันไม่โดนศัตรู, Toggle Escape (หนีศัตรูที่พยายามโจมตีสตั้นผู้เล่นด้วยการกดเปลี่ยนอาวุธอย่างรวดเร็ว ทำให้อนิเมชั่นสตั้นไม่เล่น แต่เล่นอนิเมชั่นเปลี่ยนอาวุธแทนซึ่งไวกว่า) และอีกมากมายที่ทำให้ระบบ PVP ใน Dark Souls ภาคแรกได้รับการติเตียน ล้วนกลับมาแทบจะทั้งหมด ยังไม่นับบัคใหม่ๆ ที่ตามมาเป็นกระบุงในส่วนของ PVE อาทิศัตรูตายแต่ไม่ยอมกลายเป็นศพ กลับยืนอยู่ตรงนั้นทำให้หลายต่อหลายครั้งเล่นต่อไปไม่ได้เพราะศัตรูยืนนิ่งบังทางเดิน และอีกมากมาย
สรุป
ไม่ว่าจะมองอย่างไร Dark Souls Remastered ยังถือว่าเป็นความน่าผิดหวังเทียบกับรีมาสเตอร์ตัวอื่นๆ ที่พัฒนากราฟิคได้ดีกว่า แถมแก้ไขปัญหาที่มีในต้นฉบับได้เยอะกว่า ดูจากหลายๆ อย่างแล้ว Dark Souls Remastered ดูจะไม่เหมาะกับผู้เล่นเก่าที่อยากลองเหล้าแก้วใหม่ในชวดเดิมเลย กราฟิคไม่มีความน่าเชื้อเชิญมากเท่าที่ควร ปัญหาที่ยังอยู่เดิมๆ ถ้าไม่แคร์ระบบออนไลน์ที่ตอนนี้กลับมาคึกคักก็ไม่แนะนำเลยครับ แต่สำหรับผู้เล่นใหม่ที่ดูจะเป็นเป้าหมายหลักของการรีมาสเตอร์ครั้งนี้แล้ว ถือเป็นโอกาสเหมาะเหม็งที่จะกระโดดลงไปสัมผัสหนึ่งในเกมที่ดีที่สุดในรอบสิบปีมาเลย เป็นรีมาสเตอร์ที่ขอแนะนำสำหรับผู้เล่นหน้าใหม่ และเกมเมอร์ฝั่งคอนโซล แต่ไม่แนะนำสำหรับผู้เล่นเก่าด้วยปัญหาเดิมๆ และปัญหาใหม่ ที่มีมากกว่าพัฒนาการดีๆ ครับ
