[Review] Assassin’s Creed Origins – The Curse of Pharoahs คำสาปมิอาจชำระล้าง

คำสาปมิอาจชำระล้าง

Assassin’s Creed Origins – The Curse of Pharoahs เป็น DLC ตัวสุดท้ายของเกม Assassin’s Creed Origins เนื้อหาจะกล่าวตามหลัง DLC The Hidden Ones ไม่นานนัก เราจะยังคงเล่นเป็น Bayek บิดาผู้ก่อตั้งภาคีนักฆ่าไล่ล่าเทมพลาร์ คราวนี้เขาได้ยินข่าวเกี่ยวกับวัตุโบราณ ที่มีพลังอันตราย จึงออกตามหาวัตถุโบราณที่ว่า แต่กลับพบว่าได้มีคนเจอมันก่อนและเอามันไปใช้ปลุกชีพฟาโรห์ขึ้นมาทำร้ายผู้คนซะอย่างงั้น เดือดร้อนกันไปทั่ว Thebes และ Bayek ต้องค้นหาให้ได้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

จากที่ Ubisoft เคยบอกให้พวกเราทราบว่า The Curse of Pharoahs จะเป็น Expansion ใหญ่สุด พวกเขาไม่ได้ล้อเล่นครับ นับตั้งแต่ Ubisoft ทำ DLC มา The Curse of Pharoahs คือ DLC ที่ใหญ่ที่สุด มีคอนเทนต์เยอะที่สุด ตั้งแต่ด้านเนื้อหาที่ยาว 7-8 ชั่วโมง เควสหลายสิบเควส จนถึงดินแดน Thebes ที่ว่ากว้างแล้วยังมีดินแดน Afterlife อีกสี่แดนให้ออกสำรวจกันอีก

เนื้อหานั้นถือว่าทำได้ดีขึ้นแต่ยังไม่มากนัก ช่วงครึ่งหลังหลังจากที่เราเรียนรู้แรงจูงใจของตัวร้ายจริงๆ ถึงจะเริ่มสนุกขึ้น แต่ครึ่งแรกสรุปได้ง่ายๆเลยว่า ดูนั่น ฟาโรห์คืนชีพ ฆ่ามัน ส่งมันกลับลงหลุม! พร้อมบทพูดเชิงเหมือนจะลึกลับแต่อ่านไปอ่านมาฟังดูไร้สาระนิดหน่อย ถ้าไม่ได้จริงจังกับเนื้อหามากมายก็ไม่ต้องกังวลอะไรมากนักครับ เพราะส่วนอื่นๆ จะมาช่วยเติมเต็มข้อเสียด้านเนื้อหาจนข้อติที่ว่านี้ไม่มีผลกับคุณภาพรวมเลย

ส่วนอื่นที่ว่าคืออะไร? มาเริ่มกันที่เควสกันก่อน เควสเสริมในเกมที่เพิ่มเข้ามาถือว่ามีจำนวนเยอะพอสมควรเทียบกับ The Hidden Ones แต่ละเควสก็ไม่ได้โยนมาแบบไม่มีน้ำไร้สาระ ทุกเควสล้วนมีเนื้อหาเป็นของตนเอง หลายๆ เควสก็ดูจะเอาตำนานปรัมปราจากอียิปส์มาทำจริงๆ ทำมาได้น่าสนใจดีมากๆ

สกิลที่เพิ่มเข้ามาใหม่ไม่ใช่อะไรที่หวือหวาหรือชวนร้องว้าวตามนัก ส่วนมากเป็นการเอาสิ่งที่มีในเกมอยู่แล้วมาขยายอาทิยิงธนูทะลุโล่ได้ แต่การมาก็ถือว่าเป็นด้านบวกที่ดีไม่มีภัย ระบบคราฟก็เพิ่มมาอีกระดับ รอบนี้จะน่าหงุดหงิดหน่อยเนื่องจากคราวนี้ผู้เล่นต้องมี Shard of The Star ซึ่งหายากมากๆ มากถึงมากที่สุด ยิ่งขยายข้อเสียของระบบคราฟที่เสียเวลาอยู่แล้วมากขึ้นเข้าไปอีก แต่คนไหนไม่มีปัญหากับระบบนี้ก็เป็นอีกหนึ่งด้านบวกฟรีๆ ครับ

DLC นี้ยังเอาใจขาสำรวจด้วยพื้นที่ใหม่ๆ ในเกมมากมาย อย่างใน Thebes ก็มีถึง 4 เขต ทุกเขตมีเควสเสริมและพื้นที่เครื่องหมาย ? รอให้เราไปสำรวจมากมาย อาจจะเป็นแคมป์ทหาร หรือจุดซ่อนสมบัติ ทุกพื้นที่ใน Thebes มีจุดน่าสนใจเยอะแยะไปหมด อีกด้านนึงก็มีโลก Afterlife ซ่อนอยู่ใต้หุบผากษัตริย์ที่ๆ เราสามารถเข้าไปยังโลกหลังความตายของแต่ละฟาโรห์ได้ อย่างฟาโรห์ตุตันคามุนก็อยู่ใน Duat โลกหลังความตายที่ๆ ดอกบัวกางและหุบเมื่อมีคนเข้าไปใกล้ๆ และไม่เคยมีแสงสว่าง ทุกพื้นที่มีจุดเด่น ทำให้การสำรวจโลกในเกมไม่น่าเบื่อเลยแม้แต่นิด

แต่ทุกอย่างไม่ได้เพอร์เฟคไปเสียหมด เพราะยังมีอะไรหลายๆอย่างที่ยังต้องมีการปรับปรุง ทั้งในเรื่องของการย้อมสีที่ Ubisoft ดูจะมีปัญหาแบบนี้อยู่ตลอด ศัตรูใหม่ที่เพิ่มเข้ามาจริงๆ ก็มีแค่แมงป่องยักษ์ ส่วนที่เหลือคือรีสกินล้วนๆ เอายามมาย้อมสีใหม่กลายเป็นยามหน้าอะนูบิส บอสก็ไม่ได้แปลกใหม่อะไร แค่เอาบอสจากเกมหลักมาย้อมสีด้วยโมเดลใหม่นั่นแหละ และจุดหาสมบัติที่ดูจะเพิ่มมาเยอะเกินไปหน่อย ไม่ค่อยหลากหลาย กระจายเท่าเกมหลักและ The Hidden One

สรุป

กระนั้นหากมองในภาพรวมแล้ว The Curse of Pharoahs คือ DLC ตัวแรกที่ผู้เขียนรู้สึกว่าคุ้มค่าที่จะซื้อเต็มราคาที่สุดนับตั้งแต่ DLC ภาค Black Flag มา ด้วยโลกที่น่าสำรวจสุดกว้างใหญ่ มีอะไรให้ทำเยอะ เควสน่าสนใจมากมายไม่ไร้สาระ และฟีเจอร์จุกจิกไม่ได้เพิ่มเยอะแต่ดีกว่าไม่มีเพิ่ม กลบข้อเสียที่มีไปจนแทบไม่เหลือให้ติ ถ้าหากยังรักษาคุณภาพและพัฒนาขึ้นต่อๆ ไป Ubisoft คงจะซื้อใจเกมเมอร์คืนได้ในไม่ช้าครับ The Curse of Pharoahs วางจำหน่ายแล้วบน PC, PS4 และ XBOX ONE

รีวิวเกม By GameWorld 

“The game world is our world.”

• Facebook
• X
• Line