เมื่อไม่กี่วันก่อน ผู้เขียนได้มีโอกาสได้เข้าไปลองเกมใหม่อย่าง Immortal: Unchained รอบ Alpha ที่ทีมพัฒนาเกม Toadman Interactive เขาแจกคีย์ให้คนที่ไปลงทะเบียนเอาไว้ได้ลองกัน กับเกมจะมาในแนวแอ็คชั่น RPG ขายระบบการต่อสู้ที่ฮาร์ดคอร์ประหนึ่ง Dark Souls เป็นหลัก และเมื่อไปลองมาแล้ววันนี้เราเลยจะมาเล่าสู่กันฟังว่าเวลาเอาดาร์คโซลมาใส่ปืนเนี่ยมันจะเวิร์คไหม
เป้าหมายของ Toadman Interactive ที่เล็งเอาไว้กับ Immortal: Unchained นั้นคือต้องการให้มันออกมาเป็นเกมที่ได้แรงบันดาลใจมาจากดาร์คโซล แต่มีความโดดเด่นเป็นของตัวเอง จัดว่าทำได้ดีสมกับที่เล็งให้ผู้เล่นได้สัมผัสพอสมควร ในเวอร์ชั่น Alpha เราได้ลองสองโซลภายในเกมที่เชื่อมต่อกัน ประกอบไปด้วย The Core โซนเริ่มต้นในเกมและ Arden โซนภูเขาหิมะ
ใน The Core ตัวเกมไม่รอช้าที่จะให้ผู้เล่นได้ทำความรู้จักกับระบบ โดยเฉพาะแอ็คชั่นที่เป็นจุดขายของเกมแนวนี้ เพียงแค่เดินสำรวจในเวลาอันสั้นก็จะได้ทั้งดาบสองมือ (แต่ใช้มือเดียว) กับปืนพกมา และพบกับศัตรูทันทีแรกๆ ก็จะเจอแต่พวกอ่อนหัดประหนึ่งซอมบี้ เดินไปมาไร้จุดหมาย แต่เมื่อเล่นไปเรื่อยๆ เราก็จะได้พบกับพวกตัวใหญ่ตีแรง และพวกที่ถือปืน ซึ่งพวกหลังนี้อันตรายมากเพราะทั้งยิงรัวและแรง ต้องหาจุดหลบและจังหวะในการโจมตีตลอดเวลา นับว่ามีความท้าทายใช้ได้เลย
ระบบการต่อสู้ค่อนข้างต่างจาก Bloodborne อย่างชัดเจน แม้ทั้งสองเกมจะมีปืนเหมือนกัน มีระบบบริหารค่าความเหนื่อยที่และรูปแบบการเล่นก็ทำงานคล้ายคลึงกัน เน้นหลบเป็นสำคัญ แต่ในขณะที่ Bloodborne ใช้ปืนเป็นเหมือนโล่ที่ยกกันไม่ได้ เอาไว้สวนการโจมตีศัตรูให้ติดสตั้นอย่างเดียว แต่ Immortal: Unchained ใช้มันเป็นเหมือนอาวุธหลักในเกม สามารถเล็ง ยิง สร้างความเสียหายได้จริง และจำเป็นต้องใช้มากกว่าอาวุธประชิดที่กลายไปเป็นอาวุธสำรอง จึงถือว่ามีความแตกต่างจากเกม Soulsborne พอสมควร
ระหว่างทางเราจะได้เจอกับ Obelisk ซึ่งเปรียบเสมือน HUB เล็กๆ เชิงเดียวกับ Firelink Shrine ใน Dark Souls ที่นี่เราจะสามารถอัพเลเวลตัวละคร หรืออัพเกรดอาวุธของเรากันได้ แลกกับความเสี่ยงในแง่ที่ว่าศัตรูทุกตัวที่เราฆ่าทิ้งไปจะเกิดใหม่อีกครั้ง โดยปกติแล้วระหว่างทางที่เราตะลุยก็มักจะแอบมีทางลับเล็กๆ ให้เรากลับมายัง Obelisk ตลอด ชัดเจนว่าดีไซน์แบบนี้ได้แรงบันดาลใจมาจากเกมแนว Metroidvenia เต็มๆ และเราดีใจมากๆ ที่เกมนี้รับมันมาใช้ ส่งเสริมให้ผู้เล่นกล้าที่จะออกสำรวจรอบข้างได้ดีมากๆ เลยทีเดียว
พื้นที่ภายในเกมนั้นไม่นับว่ากว้างเท่าไหร่นัก แต่มีความใหญ่มากพอที่จะให้เราได้ใช้เวลาสำรวจกันไปสักพัก กฏเกณฑ์ในส่วนนี้คล้ายกับเกมแนวๆ เดียวกันคือเผชิญหน้ากับศัตรู ต่อสู้ไปเรื่อยๆ เจอบอสในช่วงท้ายก่อนจะเดินหน้าไปส่วนต่อไป ว่าด้วยเรื่องบอส ต้องบอกว่ายังไม่ประทับใจเท่าไหร่นัก การปราบบอสส่วนใหญ่จะยังมีแค่หลบๆ ยิงๆ น่าแปลกที่ในขณะที่ระบบแบบนี้เวิร์คในเกมอย่าง Dark Souls หรือ Bloodborne ซึ่งส่วนมากก็มีแค่ฟันๆหลบๆ พอกัน แต่พอมาใน Immortal: Unchained กลับรู้สึกไม่น่าประทับใจนัก ส่วนหนึ่งคงจะเป็นเพราะตัวบอสไม่มีความโดดเด่นมากพอ ใช้ท่าโจมตีซ้ำๆ มากเกินไปจนจับแพทเทิร์นได้ง่ายดาย หวังว่าส่วนอื่นของเกมจะไม่เป็นแบบนี้นะ
สรุป
ยังมีส่วนอื่นที่ไม่ค่อยดีแต่ให้อภัย เพราะหนึ่งทุนต่ำและสองยังเป็นอัลฟ่า ตั้งแต่ในเรื่องของกราฟิคที่ดูดีแต่ซ้ำซาก ดีไซน์เดิมๆ มีแต่หินแต่ปูนโล่งๆ เห็นแล้วเบื่อลูกตา อยากได้ดีไซน์ที่มีสีสันกว่านี้หน่อย อนิเมชั่นที่ยังไม่สมูทเท่าไหร่ และหน้า HUD ที่นอกจากจะไม่น่าดูแล้วยังใช้งานได้ยากอีก ของเหล่านี้แก้ไขได้และหวังว่าเราจะได้เห็นอะไรที่ดีกว่านี้หลังเกมพัฒนาสมบูรณ์ ต้องมารอดูพัฒนาการของเกมกัน คงจะน่าสนใจไม่ใช่น้อยเลย ตัวเกมจะปล่อยในเร็วๆ นี้แล้ว ทั้งบน PC, PS4 และ XBOX ONE