ในที่สุดก็เปิดให้ทดสอบกันแล้วกับเกมยิงภาคต่อที่เล่นเป็นติด ‘Destiny 2’ บน PS4 และ XBOX ONE ส่วนชาว PC ต้องรอกันยาวๆ เกือบปลายสิงหานู้นถึงจะได้เล่น ซึ่งในเวอร์ชั่นเบต้าก็มาพร้อมกับ Strike หนึ่งแห่ง, ด่านเปิดตัวเนื้อเรื่องของเกม และโหมด PVP ยิงกันเอง วันนี้ GameWorld ก็เลยจะมาสาธยายความรู้สึกว่ามันเป็นอย่างไร สนุกเหมือนภาคแรกไหมอะไรแบบนี้กัน
ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนว่าไม่ใช่แฟนเดนตาย Destiny และก็มีหลายอย่างที่ผู้เขียนไม่ชอบใจเกี่ยวกับตัวเกมอยู่บ้าง แต่พอมีประสบการณ์เล่นภาคแรกบน PS4 ก็จะพยายามเป็นกลางให้มากที่สุด ตัวเกมภาคนี้เปิดมาก็ถล่มกันเลย เมื่อกลุ่ม Red Legion Cabal ตัดสินใจถล่มเมือง Last City นำทัพโดยนายพล Dominus Ghaul ทำให้ Guardian ทุกคนจำเป็นต้องเดินทางออกมาจาก The Tower และโลดแล่นในโลกใหม่ๆ ของจักรวาล Destiny และหาทางปราบเจ้า Dominus ให้ได้
ในส่วนของเนื้อเรื่องนั้นถือว่าเริ่มมีการพัฒนาอย่างชัดเจน มีคัตซีนให้ดู และเสียงพากษ์ที่ดูเป็นมือโปรมากๆ โฟกัสไปที่เนื้อหา การเล่าเรื่องมากกว่าเดิม ที่ไล่ให้เราไปหาการ์ดมาอ่านถึงจะเข้าใจ กราฟิคก็ดูสวยขึ้นในระดับหนึ่งด้วย แม้จะไม่ได้มากมายเทียบกับภาคแรก แต่ก็ยังสวยงามสมยุคใช้ได้
ส่วนระบบการยิงนั้นไม่มีอะไรต่างจากภาคแรกเลยครับ ภาคแรกมันสนุกแค่ไหน ภาคสองก็สนุกเท่านั้น น่าเสียดายที่ตัวเกมล็อคเลเวลทุกคนไว้ที่เลเวล 20 จึงค่อนข้างตัดสินยากว่าศัตรูยิงตายง่ายขึ้นกว่าภากแรกหรือเปล่า แต่จุดที่พัฒนาไปอย่างชัดเจนคือเป้าหมายภารกิจที่มีความหลากหลายมากขึ้น มีตั้งแต่ช่วย NPC ยิงต่อต้าน ทำลายนั่นนี่ ไม่ได้มีแต่ส่ง Ghost ของเราไปแฮคอย่างเดียว (ถึงจะยังมีก็เถอะ) ทำให้เกมมีความหลากหลายมากขึ้น
ระบบออนไลน์เท่าที่เล่นมาไม่เจอปัญหาใดๆ เลย รอผู้เล่นเข้า Strike ได้อย่างรวดเร็ว เวลาเดินท่องโลกในภารกิจเราก็อาจจะเดินเจอผู้เล่นอื่นๆ ตะลุยไปพร้อมกับเราได้ มีเพียงบางช่วงเท่านั้นที่จะตัดเข้าโหมดทีม ด้านโหมด PVP ก็สนุกไม่แพักัน ใครชอบยิงคนในภาคแรกอยู่แล้วเตรียมดีใจกันได้เลย
ด้านอาวุธก็มีปืนหลากหลายสีสันและความสามารถมากขึ้น อาทิเช่น Sweet Business ของ Titan จะยิงรัวขึ้นเมื่อผู้เล่นกดยิงค้าง ซึ่งถือว่าเป็นอะไรที่แปลกใหม่กว่าเดิมพอสมควร คาดว่าเมื่อเกมออกก็น่าจะมีอะไรให้เล่นเยอะกว่านี้อีกอย่างแน่นอน
และอีกข้อที่จัดว่า เจ๋ง! จนต้องว้าว คือท่า Ultimate ที่คราวนี้มีความหลากหลายขึ้นกว่าเดิมมาก อย่างคลาส Hunter มีท่าเรียกกระบองสายฟ้าออกมา มันเหมือนเรากำลังเล่น Star Wars Battlefront เลยแหละ วิ่งไล่ฟันไปมายังกับเป็นเจได อันนี้สนุกมากถือว่าเป็นอีกหนึ่งพัฒนาการเล็กๆ น้อยๆ ที่ทำออกมาได้ดีเลย น่าเสียดายที่ของใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามา มันควรจะมีมาตั้งแต่ภาคแรกแล้ว ตัวแผนก็ออกแบบมาได้สนุกสนานมากขึ้น มีการให้เดินหลบกับดัก สิ่งขีดขวาง หรือเป้าหมายภารกิจที่หลากหลาย ก็ไม่รู้ว่าที่กั๊กเอาไว้เนี่ยเพื่อขยายอายุเกมให้ถึง 10 ปีหรือเปล่านะ ฮา
อีกปัญหาของ Destiny 2 ตอนนี้ส่วนตัวแล้วดูจะเป็นที่ระบบหลายๆ อย่าง มีความคล้ายคลึงเหมือนภาคแรกมากเกินไป แม้จะมีศัตรูหน้าใหม่เยอะขึ้น, ท่า Ultimate ใหม่ๆ และอาวุธหลากหลายขึ้น แต่ขอสารภาพว่ายังไม่ประทับใจเท่าไหร่นัก ฟิลลิ่งรวมๆ ก็ยังเหมือนเล่น Destiny ภาคแรกอยู่เหมือนเดิม ขาดอะไรหลายๆ อย่างที่ทำให้เรารู้สึกว่ามันคือภาคต่ออย่างแท้จริง ไม่ใช่ก๊อปภาคแรกมาทำใหม่ใส่ไข่เข้าไป!!!
ซึ่งคงจะเป็นเรื่องที่ดีหากไม่เคยเล่น Destiny ภาคแรกมาก่อน หรือเป็นแฟนเดนตายภาคแรกอยู่แล้ว เพราะนั่นหมายถึงประสบการณ์ใหม่ที่เข้าถึงได้ทันที ไม่ต้องใช้เวลาใดๆ ในการปรับตัว แต่ใครที่เล่น Destiny ภาคแรกแล้วไม่ชอบ หรือเบื่อแล้วอยากได้อะไรใหม่ๆ มากกว่านี้ ก็คงจะไม่ชอบ Destiny 2 เท่าไหร่นัก ซึ่งตรงนี้คงต้องวัดกันอีกทีว่า ชอบสิ่งที่เพิ่มเข้ามาใหม่ไหม ถ้าไม่ชอบ ก็คงจะไม่ชอบกันไปเลยนั่นแหละ
สุดท้ายคงขึ้นอยู่กับเพื่อนๆ แล้วล่ะว่า อยากได้แค่อาวุธหรือคอนเทนต์อะไรก็ได้เกี่ยวกับ Destiny เป็นพอ หรืออยากได้ภาคต่อจริงจังเหมือนเกมยิงอีกตัวจากค่าย Gearbox กันแน่ ซึ่งถ้าอยากได้อย่างหลังอาจจะต้องผ่านภาคนี้ไปอย่างน่าเสียดายครับ เพราะมันแทบไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงจากภาคแรกจริงๆ คงได้แต่หวังว่าตัวเกมเต็มๆ จะสามารถเปลี่ยนใจทุกๆ คนที่ไม่ชอบเกมตระกูลนี้ให้หันมาชอบได้ล่ะนะ
ทั้งนี้ตัวเกม Destiny 2 จะวางจำหน่ายใน วันที่ 6 กันยายน 2017 บน PS4 และ XBOX ONE ส่วน PC ตามมาทีหลังเป็น วันที่ 24 ตุลาคม 2017 นี้
รีวิวเกม – GameWorld
“The game world is our world.”