ยอมรับเลยว่าส่วนตัวตื่นเต้นกับการมาของ Ghost Recon: Wildlands อยู่พอสมควร นับตั้งแต่วันประกาศเปิดตัวในงาน E3 2015 ที่พาเราไปชมปฏิบัติการตบไอ้หมวกขาว ที่ดูจะมีอิสระและหลากหลายทางเลือกในการปฏิบัติภารกิจเทียบได้กับหลายๆ เกม
การเปิดโลกกว้างของ Ubisoft กับภาคใหม่ของแฟรนไชส์ทหารที่เคยขึ้นชื่อในเรื่องความเป็น Tactical ชั้นยอด ผู้ขอกู้ชื่อเสียงที่หายไปตั้งแต่ภาค Future Soldier กลับมาอีกครั้ง และตอนนี้หลังจากที่ได้เล่น BETA เดินตากแดดตากลมไปทั่วโบลิเวียร่วมกว่า 30 ชั่วโมง และยังไม่รวม BETA บน PS4 แล้ว ก็คิดว่าถึงเวลาอันเหมาะสมที่จะมาเล่าสู่กันฟังได้แล้วล่ะครับ
ทีมพัฒนา : Ubisoft Paris
วันวางจำหน่าย : 7 มีนาคม 2017
แพลตฟอร์ม : PS4, Xbox One, PC
ตัวเกมรีวิวบน PS4 ขอขอบคุณ Ubisoft ที่สนับสนุนเรามา ณ ที่นี้
สำหรับ Ghost Recon Wildlands นั้นหากพูดกันตรงๆ แล้ว ยังถือว่าเป็นเกมที่ ‘ไม่เลวร้าย’ มากนัก จัดอยู่ในระดับกลางๆ ของเกมแนว Open-World ด้วยกัน กับโลกที่เปิดกว้างแทบจะไร้ขอบเขต ภารกิจมากมายมหาศาลพร้อมของมีให้เก็บเป็นกระบุง และศัตรูที่มีให้ยิงตอบสนองต่อมกระหายเลือดอยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อพิจารณาในแง่ที่ว่าเป็นเกมที่ใช้เวลาพัฒนามากถึง 5 ปี ก็ต้องยอมรับว่า Ghost Recon Wildlands คือเกมที่น่าจะผิดหวังหนักที่สุดของ Ubisoft ณ เวลานี้ และส่วนตัวนั้นคิดว่ามันยิ่งกว่า Tom Clancy’s The Division เสียอีก…
โอเค! มันอาจจะไม่ได้แย่เท่า Ghost Recon: Future Soldier ที่แลดูเหมือน Call of Duty ในมุมมองบุคคลที่สามมากกว่า แต่ Wildlands ยังถือว่าไม่ได้ดีนัก เมื่อเทียบกับภาค Advance Warfighter ไม่ใช่ว่ามันแย่ แต่ตัวเกมดูจะขาดการขัดเกลาที่ดีในหลายๆส่วน เริ่มกันตั้งแต่เรื่องแรกเลยก็ คือ
ลูกทีม (AI) บางทีอาจจะเป็นเพราะเป็นเกมเปิดโลกกว้างที่มีลูกทีมให้เราได้ควบคุมเป็นเกมแรกในรอบหลายปีของ Ubisoft หรืออย่างไร จึงไม่สามารถดีไซน์ AI ลูกทีมเราให้ออกมาดูพึ่งพาได้มากกว่านี้ เสมือน Ubisoft ดีไซน์เกมตัวเอกคนเดียวแบบ Farcry ออกมา แล้วล้อมตัวเองด้วยพื้นที่แวดล้อมที่ไม่คุ้นเคย อย่างการมอบเพื่อนร่วมทีมให้เราทั้งเกม นั่นทำให้สภาพรวมๆ ของ AI ลูกทีมเรานั้นจัดว่าเข้าขั้นเอ๋ออย่างรุนแรง เดินหลงทางโน่นนี่ไปทั่ว ไม่ชอบหาที่กำบังเวลายิงต่อสู้ เวลาลอบเร้นก็ชอบโผล่มาเกะกะหรือบังเราไปทั่ว
ใครคิดจะเล่นคนเดียวเน้นลอบเร้น อย่าหวังว่าท่านจะสามารถเล่นได้ในขณะที่มีลูกทีมของเราชอบเดินวนหน้าศัตรูอยู่เรื่อยๆ ตลอดเวลา แถมพึ่งพาอะไรไม่ได้แม้จะกระทั่งขับรถให้ เอาแต่ยืนหยัดจะให้เราขับอย่างเดียวเท่านั้น (ถ้าเราขึ้นรถเป็นผู้โดยสาร ลูกทีมเราจะไม่ยอมขึ้นรถตามมาครับ) ในทางกลับกันพอเราเล่นแบบ แรมโบ้ ชักปืนลั่นไกบู๊แหลก ลูกทีมเรากลับพึ่งพาได้อย่างไม่น่าเชื่อ ยิงแม่นยังกะจับวาง มองเห็นศัตรูทะลุกำแพงได้ ไกลแค่ไหน มืดเท่าไหร่พี่ไม่หวั่นยิงโดนหมด แทบจะเปลี่ยนไปเป็นคนละเกมกันเลยทีเดียว
นี่จึงเป็นสัญลักษณ์หลักๆ ที่บอกเราได้อย่างชัดเจนว่า Ubisoft แทบจะไม่ได้ขัดเกลาอะไรกับระบบ AI ลูกทีมสุดเอ๋อเลย ใส่มาแค่เป็นเกราะกันตายที่ยิงโคตรแม่นเท่านั้นเอง ใครเป็นสายลอบเร้นแนะนำหาเพื่อนมาเล่นเถอะครับ เพราะถ้าคิดจะเล่นคนเดียวลอบเร้นกับลูกทีมเอ๋อๆ อีก 3 คนผมบอกได้เลยว่ามีหัวร้อน แต่ถ้าเป็นสายบู๊อยู่แล้วเล่นคนเดียวจะได้อารมณ์พอสมควรเลยทีเดียว
และนี่ก็นำมาซึ่ง ระบบสั่งการ ในภาคนี้ต่างกับ Future Soldier ที่มีแต่สั่งยิง Sync-Shot และในภาคนี้ Sync-Shot จะกลับมาอีกครั้ง แต่นอกเหนือจากนี้เรายังสามารถสั่งการลูกทีมว่าจะให้หยุดอยู่นิ่งๆ, ยิงได้ตามสบาย หรือกลับมาหาตัวผู้เล่นก็ได้ แต่ปัญหาคือ AI ที่ทำงานเอ๋ออยู่แล้ว ก็เลยไม่รู้ว่าจะสั่งให้มันทำอะไรดีนอกจากสั่งยิง จึงทำให้ระบบนี้ดูไร้ความหมายไปในทันที แถมการสั่งการยังไม่ค่อยลี่นไหลอีกด้วย ทุกครั้งที่สั่งตัวเราต้องยืนเฉยๆ เลยแลดูล้าหลังอย่างบอกไม่ถูกเมื่อเทียบกับภาคเก่าๆ
ถัดมาก็คือระบบที่ไม่รู้ว่า Ubisoft มีปัญหาอะไรกับการออกแบบระบบที่ว่านี้นักหนา การขับรถ นี่เป็นจุดใหญ่ๆ ของเกมที่ต้องขอด่ากันซึ่งๆ หน้าเลยว่าห่วยแตกมาก ไม่ได้แก้ไขอะไรเลยจาก Beta ที่ผ่านมา (ผู้เขียนเล่น Beta บน PC) ลักษณะคือเหมือนคุณกำลังขับรถอยู่แถวอลาสก้าขั้วโลกเหนืออะไรทำนองนั้นเลย ทุกอย่างมันลื่นมาก แบบมากเกินไป ครั้นจะเลี้ยวรถยังทำได้ลำบากซะเหลือเกิน ก็ไม่รู้ว่าจะแข่งกับ Just Cause 3 หรือเปล่า มอเตอร์ไซต์ก็ไม่ได้ดีมากไปกว่ากันเท่าไหร่นัก แต่ถ้าใช้จอยรู้สึกว่าจะเลี้ยวง่ายกว่า PC นิดหน่อย ส่วนเครื่องบินยิ่งแล้วใหญ่ แต่เฮลิคอปเตอร์ถือว่ายังโอเคอยู่ กระนั้นก็ยังควบคุมยากโดยเฉพาะเวลาบังคับปืน และเมื่อมองว่ามันคือเกมที่เน้นการขับยานพาหนะพอๆ กับการยิงแล้ว ก็ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงไม่ขัดเกลาในจุดนี้กันเลย อย่างน้อยได้อย่าง Watch Dogs 2 ก็โอเคแล้ว…
ปัญหาหลักอีกข้อก็คือการที่เกมดีไซน์ออกมา แคชชวล เน้นความสะดวกสบายมากเกินไป ไม่มีความซับซ้อนหรือมอบ Sense of Danger ความรู้สึกว่ามีอันตรายทุกย่างก้าว อันเป็นสิ่งที่ตัวเกมแนวยุทธวิธีควรจะมอบให้เราเลย การเปลี่ยนอาวุธปืนได้ตามใจฉันผ่านทางหน้าเมนูได้เลยทันที ทำให้เกมขาดอารมณ์ที่ทำให้เราต้องเตรียมพร้อมตลอดแบบที่เกมอย่าง Far Cry มี และนี่ยังไม่พูดถึงความสะดวกสบายเกินเหตุที่เกมยัดมาจนดูน่าเบื่อ อาทิเช่น AI ของเราที่วาร์ปไปทั่วจนเราไม่ต้องรอจอดรถรับกันเลย ขับรถไปแปปเดียวพวกก็วาร์ปมาที่รถพร้อมยิงเราได้แล้ว ยันระบบขอความช่วยเหลือจาก Rebel ที่บางทีก็เหมือนเวทมนตร์เสียมากกว่า เรียกรถ รถวาร์ปมาอยู่หน้าเราทันที ไม่มีใครขับมาให้ เรียกคนมาช่วย ก็โผล่มาทันที ดีไซน์ที่สะดวกสบายแบบนี้ทำให้มันไม่อินอย่างที่ควรจะเป็นเอาเสียเลย … 5 ปีพี่ยัดแต่ภารกิจใส่ในเกมเหรอครับ ฮา
เนื้อเรื่อง มาที่เนื้อเรื่องก็ยังคงมีแต่น้ำเช่นเดิม ไม่มีอะไรน่าสนใจให้น่าติดตาม การดีไซน์โลกของเกมทำได้ไร้รสชาติอย่างบอกไม่ถูก ประชาชนวันๆ ไม่ทำอะไรนอกจากเดินไปมารอให้เราเผลอขับชนเล่นๆ ไม่ได้เป็นอะไรมากไปกว่าสนามเด็กเล่นโล่งๆ หลอกตาเราว่ามันกว้างมีอะไรๆ แต่แท้จริงแล้วไม่มีอะไรให้ค้นหาเลย เพราะตัวเกมไม่มีความพยายามอยากให้เราสำรวจโลก นี่จึงทำให้ความหมายของ ‘โลกกว้าง’ นั้นสูญสิ้นไปในพริบตา กลายเป็นเทศกาล Fast Travel ที่เอาแต่อยากให้เราเล่นภารกิจ จนพลาดรายละเอียดเล็กๆ ในโลกของเกมที่ Ubisoft อาจจะให้เราอินไปอย่างน่าเสียดาย
ระบบฟิสิกส์ ยังถือว่าเข้าขั้นแย่ เดินชนเก้าอี้ทีนึกว่ากำลังเตะฟุตบอล กลิ้งไปทั่วไม่รู้เหนือใต้ยังกับ Farcry มาเอง ระบบที่กำบังอัติโนมัติที่ออกแบบมาได้น่าปวดหัว เปลี่ยนมุมกล้องให้เราเองไปทั่ว ชนิดที่ว่าถ้าไม่รู้วิธีเปลี่ยนมุมกล้องคืนอาจจะมีเลิกเล่นกันได้ (ของ PS4 เป็นปุ่ม RB) ซึ่งก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะเปลี่ยนทำไมเพราะภาค Future Soldier ก็ทำมาดีอยู่แล้วแท้ๆ ส่วนระบบลอบเร้นนั้นต้องขอบคุณ AI เอ๋อๆ เป็นอย่างมาก ที่ทำให้ประสบการณ์นั้นช่างน่าเบื่อและพาหัวเสียดีเหลือเกิน
นอกจากนนี้ยังมีอีกหลายจุดเล็กๆ ที่สังเกตได้ชัดเจนถึงความหยาบของชิ้นงาน อาทิ การยิงปืนใส่กระจกรถแล้วรถควันออกหน้าตาเฉย (ภาพบน) วิทยุที่พี่แกจะยัดมาให้เยอะไปไหน แรกๆ โอเคหลังๆ ชักจะรำคาญไปไหนก็เจอ แถมอนิเมชั่นก็ดูเหมือนจะแข็งกว่าเกมอื่นๆ ที่ผ่านมาของ Ubisoft เสียด้วยซ้ำ ซึ่งน่าแปลกและน่าผิดหวังเอามากๆ เมื่อมองว่าหลายๆ เกมที่ผ่านมาของ Ubisoft นั้น มีการขัดเกลามาหนักกว่านี้เยอะ ตั้งแต่ The Division ที่มีระบบเคลื่อนไหวอนิเมชั่นที่พลิ้วมากๆ และมีระบบทำลายข้าวของคุณภาพสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก หรือ Watch Dogs 2 ที่แทบจะถอดซานฟรานซิสโกมาจากชีวิตจริงกันเลยทีเดียว
นี่ยังไม่ได้บ่นเรื่องปัญหาเชิงเทคนิคอย่าง Performance ขององเกมบน PS4 เลยนะ เพราะมีหลายจังหวะมากที่เฟรมร่วงอย่างชัดเจน อาทิ สถานการณ์ยิงต่อสู้กันมีระเบิดตู้มนิดหน่อยเฟรมก็ร่วงระนาวแล้ว ทุกอย่างดูไม่สมูทเอาเสียเลยเหมือนเกมไม่ได้วิ่งที่ 30FPS แต่แค่ราวๆ 26-27 ซะมากกว่า อีกส่วนคือ ระบบลอบบี้ เล่นกับเพื่อนที่ห่วยเอาเรื่อง ถ้าเพื่อนไม่ได้มีค่า NAT ที่เหมือนกัน หรืออินเทอร์เน็ตที่แรงพอกัน ก็ลาขาดกันได้เลยตัวเกมจะไม่ยอมจับให้เล่นร่วมกันแน่ๆ
ผ่านมาครึ่งบทความหลายคนคงจะทำนายแล้วว่า 0/10 แน่ๆ …..ผิดครับ เพราะทุกอย่างในโลกล้วนมีข้อดีและข้อเสีย มันอยู่ที่ว่ามีด้านไหนมากกว่ากัน และตอนนี้ก็ได้เวลาพูดถึงด้านที่ดีกันบ้างแล้ว
ข้อแรกคือ เกมมันส์มาก ครับ นี่พูดจริง … ระบบการยิงปืนทำออกมาได้รู้สึกสะใจอย่างบอกไม่ถูก ซึ่งเป็นความรู้สึกที่อธิบายได้ยาก และต้องสัมผัสเองเท่านั้นถึงจะเข้าใจ เมื่อผนวกเข้ากับ AI ยิงโคตรแม่นแต่ทำอะไรนอกเหนือจากนั้นไม่เป็นแล้ว ไม่รู้สิ มันเพลินอ่ะ แค่โดดเข้าไปไล่ยิงโจรเล่น 20 นาทีก็บันเทิงแล้ว Division ยังไม่รู้สึกสะใจเบอร์นี้เลยนะ
อีกข้อคือ ภารกิจเยอะมว๊าก ส่วนตัวคิดว่ามันคือหนึ่งในเกมที่ใหญ่ที่สุดของ Ubisoft เลยทีเดียว กับพื้นที่มากกว่า 22 จุดในเกม แต่ละจุดมีภารกิจหลัก 5-6 ภารกิจ ภารกิจเสริมและจุดเก็บของเป็นกระบุง ทุกภารกิจเราเล่นกับเพื่อนได้หมด ดังนั้นถ้ามีเพื่อนรู้ใจ รู้งาน ทราบหน้าที่ตัวเองดี เล่นสักสามคนหน่อย ซ้ำซากแค่ไหนก็ไม่มีเบื่อเล่นได้เป็นอาทิตย์แน่นอน เพราะมันเพลินอารมณ์นั้นจริงๆ
ระบบปรับแต่งตัวละครและอาวุธ ก็ต้องสารภาพว่าประทับใจกับที่เกมให้มาพอสมควร ตัวเลือกมีให้หลากหลาย อาวุธมากมายมีให้ใช้เลือกสรร แถมแต่ละกระบอกยังมีออฟชั่นปรับแต่งอีกเป็นลัง ยังไม่ได้พูดถึงสกิลที่มีให้อัพเยอะเป็นที่สุด บอกเลยว่าแทบจะไม่มีทางที่คุณกับผู้เล่นคนอื่นๆ จะสามารถแต่งตัวซ้ำกันได้แน่นอน แถมมีเพศให้เลือกด้วยนะเออ เป็นด้านบวกที่ต้องชื่นชมจากใจครับ
ระบบสกิล ที่ทำงานร่วมกับระบบหาทรัพยากรเสริมคุณค่าในความน่าเล่นของภารกิจเสริมใน Wildlands มากขึ้นพอสมควรแม้จะฟังดูเหมือนกึ่งบังคับ เพราะผู้เล่นจำเป็นต้องมีทั้ง Skill Point และทรัพยากรที่เพียงพอจึงจะอัพสกิลได้ ดังนั้นก็อย่าเอาแต่บุกบ้านเจ้าพ่อกันเพลินจนลืมอัพสกิลตัวเองกันล่ะ เดี๋ยวสู้พวกมันไม่ได้งานจะเข้าเอานะ…
ไอเดีย แนวทหารอมศาลเตี้ยบุกไล่ฆ่าเจ้าพ่อค้ายาค้ามนุษย์ทั้งหลาย ดูจะเป็นไอเดียที่ดีและน่าสนุกเอามากๆ น่าเสียดายที่ Ubisoft กลับไม่สามารถนำมันไปถึงขีดสุดได้ กับปัญหาจุกจิกและไร้การขัดเกลามากมายทำลายความสนุกของไอเดียที่ว่านี้ และแม้จะมีข้อดีน่าสนใจอยู่บ้าง ก็มิอาจสามารถปฏิเสธข้อเสียที่ทับถมใส่ได้
สรุป
-
เล่นคนเดียว 5/10
-
เล่นกับเพื่อน 7.5/10
เต็มราคาดีไหม? ถ้าไม่มีเพื่อน อย่าเลยครับ เกมไม่ได้สนุกขนาดต้องจัดเต็มราคา ที่ตัดคะแนนออกไปเยอะก็เพราะงานหยาบเป็นหลัก ไม่มีการปรับปรุงจากรอบ BETA ที่ทำให้ไม่สามารถเทคะแนนสูงกว่านี้ได้ แต่ถ้ามีเพื่อนรู้ใจ แม้งานจะหยาบ แต่ประสบการณ์ที่ได้รับจะคนละเรื่องกับการเล่นคนเดียวเลยแหละ ดังนั้นถ้ามีเพื่อนเล่นอย่างน้อย 2 คน ก็กดมาตอนนี้เลยรับรองไม่เสียดายเงินแน่ๆ เพราะ Content มีเยอะเพียงพอให้เล่นได้เป็นอาทิตย์…ถ้าเน็ตดีกันทุกคนอ่ะนะ ใครสนใจสามารถเข้าไปส่องก่อนสอยได้ที่ >>Steam<<
รีวิวเกม By GameWorld
“The game world is our world.”