ในช่วงอาทิตย์ก่อนหลังจากที่ได้มีการทดสอบระบบของโหมด Ranking ไป ล่าสุดทาง Blizzard ก็ได้เปิดโหมด Competitive ให้เล่นกันอย่างเป็นทางการแล้ว
ซึ่งการกลับมาของโหมด Competitive ในครั้งนี้ได้มีความแตกต่างออกไปจากช่วง Beta ค่อนข้างมาก และนี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมเหล่าเกมเมอร์ถึงให้ความสนใจในเกมนี้มากขึ้นเรื่อยๆ อย่างไม่มีเบื่อ ต่อไปนี้ทาง GameWorld จะขอเจาะลึกเนื้อหาทุกสิ่งที่สาวก Overwatch ทุกคนควรรู้เกี่ยวกับ โหมด Competitive ทั้งหมดไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มอันดับ Rank ของผู้เล่น ไปจนถึงสารพัดอย่างที่ต้องรู้ก่อนจะเข้าสู่โหมดจริงจังเกมมิ่งในเกมนี้ค่ะ พร้อมแล้วไปดูกันเลยยยยยย
โหมด Competitive คือโหมดอะไร ?
มาเริ่มทำความรู้จักกันก่อนดีกว่าว่าโหมด Competitive นี้เป็นโหมดอะไรและพิเศษขนาดไหน ซึ่งทาง Blizzard เองก็มีเหตุผลหลายอย่างที่ได้นำโหมดนี้กลับเข้ามาให้เล่นกัน หลังจากที่เคยประกาศตัดออกไปจากเกมตอนช่วง Beta แต่ในที่สุดโหมด Competitive ก็ได้กลับมาอีกครั้ง พร้อมกับการพัฒนาที่น่าสนใจมากขึ้นกว่าเดิม โดยโหมด Competitive เรียกง่ายๆ ให้เป็นที่รู้จักกันก็คือโหมด Ranking นั่นเองหรือจะเรียกว่าโหมดจัดอันดับก็ได้ ซึ่งในโหมดนี้ผู้เล่นจะต้องมีเลเวลขั้นต่ำอยู่ที่ 25 ก่อนจึงจะสามารถเข้าไปเล่นได้ และในตอนนี้มีแผนที่ทั้งหมด 12 ด่านให้ได้เล่น โดยในแต่ละด่านจะมีรูปแบบการเล่นที่ไม่ซ้ำกัน ส่วนแผนที่ทั้ง 12 ด่านประกอบด้วย Dorado, Watchpoint: Gibraltar, Route 66, King’s Row, Numbani, Hollywood , Hanamura, Temple of Anubis, Volskaya Industries ,Nepal, Ilios, Lijiang Tower โดยแต่ละด่านสามารถแบ่งประเภทและโหมดเกมออกได้ดังนี้ค่ะ
ด่านคุ้มกันและไฮบริด ได้แก่ด่าน : Dorado,Watchpoint: Gibraltar, Route 66, King’s Row, Numbani, Hollywood
ในแผนที่ด่านนี้จะมี payload ในรูปแบบต่างๆ ให้ ซึ่งฝั่งผู้เล่นจะได้เล่นทั้ง 2 ฝ่ายไม่ว่าจะเป็นทีมโจมตี หรือ ทีมป้องกัน และฝ่ายไหนที่ชนะ 2 เกมก่อนก็จะเป็นผู้ชนะของแมทช์นั้นไปพร้อมกับรับแต้มอันดับต่างกันออกไปแต่สิ่งที่ Overwatch แตกต่างไปจากเกมฝั่ง E-sport อื่นๆ ก็คือการตัดสินแพ้ชนะของโหมดนี้จะไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเทพของการเล่นหรือความสามัคคีกันของทีมเพียงอย่างเดียวเท่านั้นแต่ผู้เล่นจะต้องทำภารกิจของด่านให้สำเร็จภายในเวลาที่กำหนด นี่จึงเป็นอีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจของโหมด Competitive นี้ก็ว่าได้
ดังนั้น ทุกจุดที่ต้องเข้ายึดพื้นที่หรือต้องทำการดัน payload ในขณะที่ทำการโจมตีไปด้วยก็จะช่วยเพิ่มแต้มให้กับทีมของผู้เล่นเช่นกัน เมื่อมีโอกาสโจมตีให้ผู้ลองสังเกตดูว่าแต้มของฝ่ายตรงข้ามทำได้กี่คะแนน และฝ่ายเรามีกี่คะแนน เพราะนี่จะเป็นตัวบอกได้ว่าฝ่ายที่มีคะแนนเยอะกว่าหรือฝ่ายที่สามารถดัน payload ไปได้ไกลกว่าจะเป็นฝ่ายชนะเมื่อจบเกมนี้ ถ้าหากทั้งสองฝ่ายดันมีแต้มเท่ากันในตอนจบ ผู้เล่นก็จะได้เข้าสู่ช่วง Sudden Death ซึ่งจะเป็นเกมตัดสินหาผู้ชนะเนื่องจากใน 1 แมทช์ของโหมด Competitive จะให้เล่น 2 เกม หากไม่มีฝ่ายไหนชนะรวดเดียว 2 เกมก็ย่อมต้องมีศึกตัดสินชี้ชะตากันเกิดขึ้นนั่นเอง
ด่านโจมตี ได้แก่ด่าน : Hanamura, Temple of Anubis, Volskaya Industries
ในด่านนี้จะไม่มี Payload ใดๆ ทั้งสิ้น แต่จะไปเน้นในด้านการโจมตีและการป้องกันเป็นหลัก เพราะว่าผู้เล่นแต่ละฝ่ายจะได้เล่นเป็นทั้งฝ่ายป้องกันละฝ่ายบุก ซึ่งในด่านจะมีระบบ “time bank” เป็นระบบการนับเวลาถอยหลัง โดยแต่ละทีมจะมีเวลาทั้งหมด 10 นาทีปรากฎอยู่บนหน้าจอ เมื่อหมดเวลาก็จะตัดสินหาผู้ชนะทันทีถ้าหากผู้เล่นสามารถเข้ายึดพื้นที่ฝ่ายตรงข้ามได้ก็จะได้คะแนนไป แต่ถ้าฝ่ายป้องกันสามารถเฝ้าพื้นที่ของตัวเองได้สำเร็จฝ่ายจู่โจมก็จะไม่ได้คะแนน ทว่าถ้าทั้งสองฝ่ายสามารถเข้ายึดพื้นที่ได้เหมือนกัน เกมจะสลับฝั่งให้เล่นกันอีกครั้งโดยที่ระยะเวลาที่กำหนดให้นั้นจะลดลงไป
ยกตัวอย่างเช่น ถ้าผู้เล่นยึดจุดของฝ่ายตรงข้ามในด่าน Hanamura ได้ภายใน 4 นาทีแล้วฝ่ายตรงข้ามยึดจุดของคุณคืนได้ภายใน 7 นาที กรณีนี้ก็ยังได้เล่นต่ออีกรอบเช่นกันแต่ว่าผู้เล่นจะได้เวลาในการเล่นแมทช์ตัดสินที่ 6 นาที ส่วนฝ่ายตรงข้ามจะเหลือเวลาเพียง 3 นาทีเท่านั้น สำหรับการทำภารกิจแบบเดียวกันกับที่กำหนดให้ในตอนแรกเพราะว่าในตอนแรกที่เริ่มเล่นด่านกำหนดเวลาไว้ให้ที่ 10 นาที อยู่ที่ว่าใครจะใช้เวลาได้คุ้มค่าและบริหารเวลาเผื่อศึกตัดสินในยก Sudden Death นี้มากกว่ากันนั่นเอง
ด่านควบคุม ได้แก่ด่าน : Nepal, Ilios, Lijiang Tower
ในด่านนี้จะเป็นด่านคุ้มกันเพียงอย่างเดียว โดยแผนที่ของด่านนี้ได้ทำออกมาค่อนข้างเหมือนกับโหมด Quick Play มากๆ แต่ที่ต่างออกไปคือในโหมด Competitive นี้จะแข่งขันกันทั้งหมด 5 แมทช์ คิดแต้มชนะที่ 3 ใน 5 โดยจุดที่ผู้เล่นจะต้องต่อสู้จะทำการสุ่มมาจากด่านทั้ง 3 ตามปกติ นั่นหมายความว่าผู้เล่นสามารถที่จะตรวจดูจุดต่างๆ ได้จากโหมดปกติ ใครชนะก่อนภายใน 3 เกมก็ชนะไปเลย
ศึก Sudden Death
สำหรับสิ่งนี้ยังถือว่ามีข้อเสียอยู่นิดหน่อย แต่ว่าทางด้านผู้พัฒนาเกมอย่าง Jeff Kaplan ได้บอกไว้ในฟอรั่มแล้วว่าสำหรับ Sudden Death ตอนนี้เป็นระบบที่ลองใช้ครั้งแรก ซึ่งเขาสัญญาว่าจะปรับปรุงและพัฒนาให้ดียิ่งขึ้นในซีซั่นหน้า โดยในศึกตัดสิน Sudden Death นี้จะเป็นการตัดสินผู้เล่นทั้งสองฝ่ายเมื่อผลออกมาเสมอกันและลดเวลาในการทำภารกิจลง ซึ่งจะให้ผู้เล่นที่เป็นฝ่ายจู่โจมมีเวลาเพียง 2 นาทีสำหรับยึดจุดที่กำหนดให้ได้ก่อนหมดเวลา ถ้าทำได้ฝ่ายจู่โจมชนะไปแต่ถ้าทำไม่ได้ชัยชนะจะตกเป็นของฝ่ายป้องกัน แต่อีกด้านหนึ่งเหล่าเกมเมอร์มองว่ามันเหมือนกับการโยนเหรียญทายหัว-ก้อย และมันเป็นระบบที่ดูไม่ยุติธรรมสักเท่าไรนักสิ่งนี้เองจึงเป็นจุดอ่อนของ Sudden Death อยู่ในตอนนี้
ระบบการจัดอันดับ (Ranking) คืออะไร ?
วัตถุประสงค์หลักๆ ของโหมด Competitive นี้ก็คือการเล่นในระดับที่สูงขึ้นไปเรื่อยๆ แต่ในความเป็นจริงแล้วมันเหมือนกับการที่ผู้เล่นได้เฝ้าดูแต้มเล็กๆ น้อยๆ ที่ค่อยๆ เพิ่มขึ้นซะมากกว่า และก่อนที่ผู้เล่นจะได้รับผล Rank นั้นจะต้องเล่นให้ครบ 10 แมทช์แรกเสียก่อนแล้วระบบถึงจะประมวลผลอันดับ Skill Rank ออกมาให้
ซึ่ง Skill Rank นั้นหมายถึงการวัดระดับฝีมือของเหล่าผู้เล่นสายจัดอันดับว่าแต่ละคนมีระดับฝีมือกันมากน้อยแค่ไหน โดยจะมีการนับตั้งแต่ 1 ไปจนถึง 100 และจะวัดได้ว่า 1 หมายถึงผู้เล่นที่มีทักษะการเล่นแย่มากที่สุด ส่วน 100 ก็คือผู้เล่นที่มีฝีมือเทพมากที่สุด ส่วน 50 หมายถึงผู้เล่นที่พอมีฝีมืออยู่ในระดับกลางๆ นั่นเอง
หลังจากจบทุกๆ แมทช์ Skill Rank ของผู้เล่นจะเพิ่มขึ้นหรือลดลงก็ขึ้นอยู่กับผลแพ้ชนะในแต่ละแมทช์ แต่ถึงแบบนั้นก็ได้มีข้อพิพาทอยู่ว่าเป็นค่าสติถิที่ไม่ค่อยน่าเชื่อถือนักเพราะว่าบางคนเล่นตัวสายบุกและบางคนเล่นสายฮีลแต่ว่าผลที่วัดออกมากลับเป็นแค่ผลแพ้หรือชนะในแต่ละแมทช์เท่านั้น ซึ่งดูแล้วเหมือนกับไม่ได้วัดฝีมือส่วนตัวของผู้เล่นเลย และในการสุ่มหาทีมจะหาจากแต้ม Skill Rank โดยเฉลี่ยของผู้เล่นแต่ละคน ซึ่งจะทำให้ได้ทีมที่มี Skill Rank ใกล้เคียงกันออกมา นอกจากนี้ถ้าหากทีมตรงข้ามมี Skill Rank ที่สูงกว่าทีมของคุณ แล้วคุณชนะได้ก็จะได้รับแต้มรางวัลที่เพิ่มมากขึ้นไปอีก
แต่ละซีซั่นจะมีระยะเวลาประมาณ 3 เดือน ซึ่งในตอนนี้ยังไม่มีประกาศอย่างแน่ชัดเกี่ยวกับอันดับ Rank ของผู้เล่นว่าจะให้คงอยู่แค่ซีซั่นเดียวแล้วรีเซ็ตใหม่ดีไหม??? ซึ่งมันอาจจะยุติธรรมกับผู้เล่นมากกว่า โดยการตัดสินใจนี้ได้มาจากเกมอื่นๆ ของค่าย Blizzard แต่อาจเป็นแค่ Soft Reset เท่านั้นซึ่งจะย้ายผู้เล่นที่มีอันดับสูงไปไว้ในช่วงอันดับกลางๆ ทว่าตอนนี้ก็ใกล้จะเข้าซีซั่นใหม่ของฤดูใบไม้ร่วงแล้ว แนวคิดนี้อาจเริ่มขึ้นในช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็เป็นได้
รางวัลที่จะได้รับในโหมดนี้
มาถึงตรงนี้อาจมีผู้เล่นหลายๆ คนกำลังคิดอยู่ว่าในโหมด Competitive จะมีอะไรมากไปกว่าการเล่นให้ชนะแล้วเก็บแต้ม Rank กับความรู้สึกภูมิใจในอันดับของตนเอง ซึ่งแน่นอนว่าระดับเกมฮิตติดชาร์ตอันดับ 1 แบบนี้ย่อมมีอะไรมาเซอร์ไพร์ทผู้เล่นได้เสมอ และนั่นก็คือ เซ็ตเครื่องแต่งกายสำหรับผู้เล่นสายโหดเท่านั้น ที่จะได้ครอบครอง
สำหรับผู้ที่เล่น 10 เกมแรกในแต่ละซีซั่น จะได้รับไอคอนประจำตัวผู้เล่นและสเปรย์ที่เข้ากับแต่ละฤดูกาลนั้นๆ นอกจากนี้สำหรับผู้เล่นอันดับต้นๆ 500 คนของเซิร์ฟเวอร์แต่ละที่จะได้ไอคอนพิเศษภายใต้ภาพตัวละครของคุณเพื่อเป็นการแทนความหมายว่าคุณเป็นผู้เล่นติดอันดับนั่นเอง และยังไม่หมดเท่านี้ สำหรับผู้เล่น 500 คนนี้เมื่อหมดแต่ละฤดูกาลไปแล้วยังจะได้รับสเปรย์ภาพเคลื่อนไหวอีกด้วย
ไม่เพียงแต่สิทธิ์ของผู้เล่นอันดับต้นๆ เท่านั้นที่จะได้สิทธิพิเศษเหล่านี้ แต่ผู้เล่นทุกคนจะได้รับ Ranked Point คนละ 1 แต้มอยู่แล้วต่อการชนะ 1 แมทช์ ซึ่ง Ranked Point นี้สามารถนำไปแลกเป็นไอเทมพิเศษให้กับตัวละครได้ ในตอนนี้เป็นไอเทมเครื่องแต่งกายและอาวุธในรูปแบบสีทองอร่ามที่มีมูลค่า 300 Ranked Point นั่นหมายความว่าขอเพียงคุณเล่นให้ชนะ 300 แมทช์ก็จะแลกไอเทมได้ 1 ชิ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยนอกจากนี้ Gallery ตัวละครก็จะได้รับการอัพเดทให้รับกับอาวุธใหม่ๆ ทั้งนี้ในอนาคตอาจได้เห็นอาวุธที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและไม่ซ้ำกันอีกด้วย ส่วนใครอยากทดสอบโหมดใหม่นี้ก็สามารถเข้าไปพิสูจน์ฝีมือกันได้ในเกมเลยคร้าาาาา
ข้อมูลจาก pcgamer