วันก่อนเราได้รีวิว Book 1 ที่นับเป็นตอนแรกจากทั้งหมด 3 Book กันไปแล้ว โดยเราได้บรรยายรายละเอียดและรีวิวกับระบบในเกม เพื่อเป็นตัวประกอบการตัดสินใจว่าควรจะลองกันมั๊ยไปแล้ว และตอนนี้ตัวเกม Ken Follett’s The Pillar of the Earth ก็ปล่อยออกมาแล้วถึงสองตอน วันนี้เราจะพาไปดูในส่วนของตอนที่สองกันว่าจะมีพัฒนาการขึ้นจากตอนแรกมากน้อยขนาดไหน
เนื้อเรื่องใน Ken Follett’s The Pillar of The Earth Book 2 : Sowing The Win มิได้เริ่มจากตอนจบในตอนแรก หากแต่เริ่มที่ 5 สัปดาห์ก่อน Alina ได้พบกับ Jack ซึ่งจะพูดถึงทริปการเดินทางแสนเหนื่อยยากของ Aliena ในการตามหาพ่อของเธอที่พ่ายสงครามกับพวก Hamleigh ในตอนแรก หลังจากนั้นเกมก็จะข้ามเวลาไปเลยห้าปีเต็มๆ พาเราเข้าสู่ช่วงเวลาแห่งความรัก ความสุขสันต์ ยันเศร้าโศกและสิ้นหวังที่สุดเท่าที่พวกเขาจะเคยเผชิญมา Book 2 จะเป็นครั้งแรกด้วยที่เราสามารถเล่นเป็น Aliena ได้
ในด้านระบบไม่มีอะไรมากมายให้พูดถึงเพราะพูดกันไปหมดแล้วในตอนแรก แต่ในตอนที่สองมีรายละเอียดบางอย่างที่น่าสนใจมากขึ้น อาทิ ช้อยตัวเลือกที่ในบางครั้งผู้เล่นจะสามารถเลือกตัวเลือกได้ว่าจะให้ใครพูดอะไรก่อน หากสองคนทีว่าคือตัวละครที่ผู้เล่นสามารถควบคุมได้ อาทิ Jack กับ Aliena ซึ่งแม้ตัวเลือกเหล่านี้เอาจริงๆ ไม่ค่อยแสดงผลอะไรมากนัก แต่คิดว่าเป็นการเพิ่มรายละเอียดที่ล้ำนำทางน่าสนใจมากๆ เลยทีเดียว คงจะดีหากในอนาคตเราจะได้เห็นอะไรแบบนี้มากขึ้นในเกมแนวนี้ล่ะนะ
ทั้งนี้จุดนึงที่สังเกตได้ชัดเลยในด้านที่ดีคือเนื้อหาที่เริ่มขยับตัวมากขึ้น หลังปล่อยให้ Book 1 ทำงานบิ้วเรื่องสร้างความสัมพันธ์ตัวละครกันไปเรื่อยๆ มา Book 2 บอกเลยว่าปล่อยของกันไม่ยั้งเลยทีเดียว ทุกตัวเลือกมีผลกระทบและอาจส่งผลไปถึงภายหลังได้ยันชะตากรรมของตัวละครนั้นๆ ได้ (บางตัวเลือกไม่ปรากฏในนิยายด้วย) ในเรื่องของตัวเลือกและผลกระทบนั้น ตอนที่สองถือว่าสอบผ่านฉลุย
เนื้อหาและความสัมพันธ์ของตัวละครก็เริ่มเข้มข้นขึ้น พาเราไปดูชีวิตที่มีทั้งขึ้นแล้วก็ลงของผู้คนในศตวรรษที่ 12 ที่ๆ ความรักไม่ทำให้ทุกอย่างหอมหวาน ผู้ใหญ่กดขี่ผู้น้อย ศรัทธาในพระเจ้าที่สูญเสียไปในวันที่พวกเขารู้ตัวว่าไม่มีพระเจ้าที่ไหนมาช่วยพวกเขา ดราม่าเข้มข้นมากขึ้น ค่อนข้างคุ้มกับที่ทนดูการบิ้วในตอนแรกพอสมควรเลย
ทีนี้ที่รู้สึกว่าทำได้แย่ลงกลับเป็นบรรยากาศรอบตัวที่เรามีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งของรอบๆ ได้น้อยลงและจำกัดอย่างชัดเจน มีการเก็บรายละเอียดน้อยลง และไม่ค่อยมีอะไรให้ทำเทียบกับ Book 1 ที่แลจะดูเป็นอิสระมากกว่า ในฝั่งของผู้ที่สนใจแต่เนื้อหา นี่นับว่าเป็นด้านบวก แต่สำหรับขาสำรวจรอบนี้กลับคุณภาพต่างกับตอนแรกอยู่ไกลโขเหมือนกัน
อีกส่วนที่ไม่รู้สึกพัฒนาคือการนำเสนอตัวร้ายที่ค่อนข้าง ‘โบราณ’ เอาเรื่อง ทั้งที่การปูแรงจูงใจนั้นทำมาได้ดีตลอดรอดฝั่ง ทั้งลักษณะน้ำเสียงที่ใช้ การแสดงท่าทางต่างๆ ทำได้เหมือนการ์ตูนยุคเก่าที่มักมีตัวร้ายทำตัวขี้อิจฉาน่าหงุดหงิด ตรงนี้ไม่ได้คาดหวังอะไรเปลี่ยนไปมากนักและคิดว่าจนถึงตอนจบก็คงจะไม่เปลี่ยน ทั้งที่เนื้อหานั้นค่อนข้างเขียนได้จริงจัง เล่นประเด็นที่หาไม่ได้ตามหนังยุคกลางทั่วไป
สรุป
โดยสรุปแล้ว Book 2: Sowing The Wind มีการพัฒนาที่ดีกว่าเดิมในแทบทุกด้าน เนื้อหาที่เริ่มเดินจริงจังทำได้น่าสนใจติดตามมากขึ้น ตัวเลือกที่เริ่มรู้สึกได้ถึงผลกระทบที่จะตามมา หักล้างกับองค์ประกอบด้านการสำรวจที่รู้สึกจำกัดก็ถือว่าหักล้างกันได้อย่างพอดีครับ เกมวางจำหน่ายแล้วบน PC, PS4 และ XBOX ONE
ขอขอบคุณ Daedelic Entertainment สำหรีบคีย์รีวิวบน PC มา ณ ที่นี้ครับ